วิธีติดตั้งและใช้งานตู้ฟักไข่
Thai Eggs Incubator ตู้ฟักไข่ เครื่องฟักไข่ ตู้ฟักไข่อัตโนมัติ สุดยอดวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเพิ่มผลผลิตของสัตว์ปีก และสัตว์เลื้อยคลาน ด้วยการจัดการสภาวะแวดล้อมในการฟักไข่ ให้เหมือนกับธรรมชาติการกกไข่ ฟักไข่ของสัตว์ ด้วยระบบปิดที่สามารถควบคุมอุณภูมิให้เหมาะสมใกล้เคียงกับธรรชาติ และคงที่ตลอดเวลา ควบคุมและจัดการความชื้นสำหรับการฟักไข่ ควบคุมและจัดการระบบระบายอากาศที่ดี รวมทั้งการควบคุมและจัดการระบบการกลับไข่ การพลิกไข่ เพื่อให้ไข่ได้รับความร้อนและความชื้นอย่างทั่วถึง และมีประสิทธิภาพ เพื่อลดการเจริญของลูกไก่ในท่าผิดปกติ และลดการสูญเสียจากลูกไก่ติดเปลือกไข่ตาย ทำให้มีอัตราการฟักไข่ได้มากถึง 90%
คุณเคยเจอปัญหานี้หรือไม่
- แม่ไก่ไม่ยอมกกไข่ ไม่ยอมฟักไข่ พ่อไก่มากวน
- ไข่มากเกินไป ไข่ซ้อนกัน ไข่แตก เนื่องจากแม่มีแม่ไก่หลายตัว แย่งกันกกไก่ จิกไข่แตก
- อาการ ร้อนเกินไป หนาวเกินไป ความชื้นสูงต่ำ ไม่สม่ำเสมอและไม่คงที่ ไข่ไม่ฟักตัว หรืออัตราการเกิดน้อย หรือฟักตัวออกมาแล้วลูกไก่ผิดปกติ ไม่แข็งแรง
- สถานที่เลี้ยง เล้าไก่ อับชื้น ระบายอากาศไม่ดี
- เสียเวลา ตั้งแต่แม่ไก่ฟักไข่ และเลี้ยงดูลูกไก่ ทำให้ระยะเวลาในการผสมพันธุ์รอบใหม่ลดลง สูญเสียโอกาสในการเพิ่มผลผลิต
ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ด้วยเครื่องฟักไข่ ตู้ฟักไข่อัตโนมัติ Thai Eggs Incubator
เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ที่จะช่วยให้คุณเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น
ก่อนตัดสินใจเลือกเครื่องฟักไข่ ตู้ฟักไข่อัตนัมติ Thai Eggs Incubator มาดูกันก่อนว่าปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการฟักไข่ ประกอบด้วย1. อุณหภูมิ หรือความร้อนที่เหมาะสมและคงที่สม่ำเสมอ จะช่วยให้ไข่ได้รับการผสมและเจริญเติบโตได้ดี จนกลายเป็นตัวลูกไก่ที่แข็งแรง โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการฟักไข่ แบ่งออกเป็น 2 ระยะคือ
ระยะที่ 1 ช่วงระหว่างวันที่ 1-18 ของการฟัก อุณหภูมิเหมาะสมสำหรับการฟักไข่ อยู่ที่ประมาณ 37.5 องศาเซลเซียส
ระยะที่ 2 ช่วงระหว่างวันที่ 19-21 ของการฟัก อุณหภูมิจะลดต่ำลงเล็กน้อย อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ประมาณ 36.0 – 36.5 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิ และความร้อนที่เหมาะสมและคงที่สม่ำเสมอ จะมีผลและสัมพันธ์กับการฟักตัวของลูกไก่ เช่น ถ้าอุณหภูมิที่เหมาะสมและสม่ำเสมอ อัตราการฟักตัวของลูกไก่ก็จะสูง หากอุณหภูมิต่ำหรือสูง (+/- 1 องศา เซลเซียล) เกินไปและไม่สม่ำเสมอ ก็จะส่งผลต่ออัตราการฟักที่ต่ำ ขนาดของลูกไก่ที่ฟักออกมา จะสัมพันธ์กับระยะเวลาการฟักตัวของลูกไก่ด้วย กล่าวคือถ้าฟักออกช้า เพราะอุณหภูมิต่ำ ลูกไก่ก็จะมีขนาดตัวโต ถ้าฟักตัวออกมาเร็ว เพราะใช้อุณหภูมิสูง ลูกไก่จะมีขนาดตัวที่เล็ก แต่ไม่ว่าจะขนาดตัวเล็กหรือใหญ่ ลูกไก่จะมีสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรง
2. ปริมาณ ความชื้น พอเหมาะ จะช่วยให้เชื้อของลูกไก่เจริญเติบโตได้ตามปกติ และยังช่วยให้ขนของลูกไก่ไม่ติดกับเยื่อหุ้มเปลือกไข่ ในขณะที่ลูกไก่กำลังจะฟักตัวออกจากไข่ โดยความชื้นที่เหมาะสมต่อการฟักไข่ แบ่งออกเป็น 2 ระยะคือ
ระยะที่ 1 ช่วงวันที่ 1-18 วันแรกของระยะฟักตัว จะใช้ความชื้นประมาณ 45-55 %
ระยะที่ 2 ช่วงวันที่ 19-21 ของระยะฟักตัว จะใช้ความชื้นประมาณ 60-65 %
ปริมาณ ความชื้น ที่พอเหมาะจะมีผลต่อการฟักไข่และการเจริญเติบโตของตัวอ่อน กล่าวคือ ถ้าความชื้นมากเกินไป จะมีผลทำให้ลูกไก่ฟักตัวออกเร็วกว่าปกติ ขนาดตัวของลูกไก่จะโต ท้องป่อง และตัวจะนิ่ม สะดือไม่แห้ง และปิดไม่สนิท ลูกไก่ไม่แข็งแรง แต่ถ้าความชื้นต่ำเกินไป ลูกไก่จะมีขนาดตัวเล็กและแห้ง น้ำหนักตัวน้อย บางตัวจะแห้งอยู่ภายในไข่ และขนจะติดกับเปลือกไข่ ไม่สามารถฟักออกมาได้ ลูกไก่ที่ออกจากเปลือกไข่อาจจะไม่แข็งแรง และอาจพิการได้
3. การ ระบายอากาศ ภายในไข่จะมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงหรือเผาผลาญให้เป็นอาหารสำหรับตัวอ่อน เมื่อฟักไปนานๆ ไข่จะต้องการปริมาณก๊าซออกซิเจนมากขึ้น ในขณะเดียวกันไข่จะคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากด้วย ดังนั้น หากการระบายอากาศไม่ดี จะทำให้ตัวอ่อนขาดก๊าซออกซิเจน และตายในที่สุด
4. การ พลิกไข่ การกลับไข่ เพื่อไม่ให้ลูกไก่ติดเปลือกไข่ตาย เพื่อไม่ให้ลูกไก่เจริญในท่าที่ผิดปกติ และเพื่อไม่ให้เนื้อเยื่อพิเศษของตัวอ่อนติดกัน โดยมุมที่ใช้พลิกไข่ จะใช้มุมประมาณ 45 องศากับแนวดิ่ง และควรพลิกไข่วันละ 6 – 10 ครั้ง
ทำไมต้องเลือก เครื่องฟักไข่ ตู้ฟักไข่ Thai Eggs Incubator
1.รูปแบบสวยงาม โปร่งใส สามารถมองเห็นการทำงาน การเปลี่ยนแปลงและการเจริญเติบโตของไข่ที่ฟัก ภายในตู้ฟักไข่ได้2.ใช้งานง่าย ด้วยระบบดิจิตอล เพียงแค่กดปุ่ม เพื่อควบคุมการทำงานต่างๆ
3.น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก ทำความสะอาดง่าย
4.มีระบบควบคุมและจัดการอุณหภูมิ ความชื้น ให้เหมาะสม คงที่ และสม่ำเสมอ และจะเตือนเมื่อผิดปกติ
5.มีระบบระบายอากาศ เพื่อเพิ่มออกซิเจน ในขณะการฟักไข่
6.มีระบบการพลิกไข่ กลับไข่ อัตโนมัติและทำงานตลอด 24 ชั่วโมง
7.มีระบบการนับวัน เวลาการฟักไข่
8.ถาดฟักไข่ สามารถวางไข่จำนวน 7 – 96 ฟอง และสามารถวางไข่ของสัตว์ปีก และสัตว์เลื้อยคลานได้เกือบทุกชนิด
9.เพิ่มอัตราการฟักของไข่ มากกว่า 90%
ส่วนประกอบ ตู้ฟักไข่ เครื่องฟักไข่ ตู้ฟักไข่อัตโนมัติ Thai Eggs Incubator
รูปแสดงส่วนควบคุมการทำงานของตู้ฟักไข่ เครื่องฟักไข่ ตู้ฟักไข่อัตโนมัติ
วิธีติดตั้งและใช้งานตู้ฟักไข่ เครื่องฟักไข่ ตู้ฟักไข่อัตโนมัติ Thai Eggs Incubator
1.ก่อนทำการฟักไข่รุ่นต่อๆไป ต้องทำความสะอาดตู้ฟักไข่ ถาดเกิด ถาดไข่ ให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ทิ้งไว้ให้แห้งทุกครั้งก่อนการใช้งาน2.ตรวจสอบอุปกรณ์ สายไฟฟ้า ต่างๆว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
3.นำ ตู้ฟักไข่มา (ตู้เปล่าๆ ที่ยังไม่ได้ประกอบ ถาดเกิด ถาดวางไข่ และฝาปิด) เติมน้ำลงไปประมาณครึ่งขวด (ขวดน้ำที่ให้มา) ให้กระจายๆตามช่องต่างๆที่อยู่ที่ก้นตู้ฟักไข่ โดยน้ำเหล่านี้จะเป็นตัวให้ความชื้นกับตู้ฟักไข่ ซึ่งเมื่อเริ่มทำงานความชื้นที่ต้องการจะอยู่ที่ 45 – 55% หากความชื้นในระบบน้อยกว่า 45% เครื่องจะร้องเตือน เราสามารถเติมน้ำเพิ่มลงไปทางรูเติมน้ำจากด้านนอกตู้ฟักไข่ได้
4.นำถาดเกิด วางลงไป
5.นำถาดพลิกไข่ วางลงไป
6.ต่อสายไฟ เชื่อมระหว่างถาดพลิกไข่และฝาปิดชุดควบคุมการทำงาน
7.เสียบปลั๊กไฟ เปิดสวิตซ์ ตรวจเช็คพัดลมระบายอากาศ (ใต้ฝาปิด) ว่าทำงานปกติหรือไม่ จากนั้นกดปุ่ม Reset เพื่อตรวจสอบว่าถาดพลิกไข่ทำงานตามปกติหรือไม่ (เครื่องฟักไข่ จะตั้งการพลิกไข่อัตโนมัติ ทุกๆ 2 ชั่วโมง เมื่อเราเปิดสวิตซ์ทำงาน ตู้ฟักไข่จะเริ่มนับถอยหลัง จาก 1:59 ชั่วโมง ถึง 0:00 ชั่วโมง ถาดไข่ก็จะพลิกไข่อัตโนมัติ และกลับไปนับถอยหลังใหม่อีก 2 ชั่วโมง การกดปุ่ม Reset จะหมายถึง เราต้องการพลิกไข่ และเริ่มนับถอยหลังใหม่)
8.ปิดฝา ตั้งค่าอุณภูมิที่ต้องการ (ปกติตู้ฟักไข่จะตั้งอัตโนมัติที่ประมาณ 37.5 องศาเวลเซียล) โดยการกดปุ่ม Set จากนั้น กดปุ่ม + ถ้าต้องการเพิ่มอุณหภูมิ หรือกดปุ่ม – ถ้าต้องการลดอุณหภูมิ เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วให้กด Set อีกครั้งหนึ่ง ในการตั้งค่าอุณหภูมินั้น ให้สังเกตุไฟสีแดง ในปุ่ม Work เมื่ออุณหภูมิที่เราตั้งค่าไว้แล้ว เช่น 37.7 องศาเซลเซียล ปล่อยทิ้งไว้จนกระทั้งอุณภูมิได้ตามต้องการคือ 37.7 องศาเซลเซียล เซ็นเซอร์อุณหภูมิก็จะตัด ไฟสีแดงก็จะดับลง
9.หลังจากตั้งค่าต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ปล่อยเครื่องฟักไข่ ตู้ฟักไข่อัตโนมัติ ทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อดูว่าอุณหภูมิ ความชื้น และถาดพลิกไข่ ทำงานปกติ จากนั้นเปิดฝา นำไข่ใส่ลงในถาดไข่ (ให้ปลายไข่ด้านที่แหลมที่สุด อยู่ด้านล่าง)
10.เมื่อฟักไข่ได้ประมาณวันที่ 7 และวันที่ 14 ให้ นำไข่มาส่องไฟเพื่อดูเชื้อ เพื่อเป็นการคัดไข่ที่เสียซึ่งเป็นสาเหตุทำให้อากาศภายในตู้เหม็นเน่าทำให้ ฟักไม่ได้ผล พร้อมทั้งทำให้ตู้ฟักไข่ว่างมากขึ้น การส่องใส่ควรจะส่องไข่ในที่มืด หรือเวลากลางคืนก็ได้ วิธีส่องผ่านภายในของไข่จะทำให้เห็นตัวอ่อน และเส้นเลือดโดยง่าย เส้นเลือดจะมีสีแดงโยงใยกันเหมือนใยแมลงมุม แสดงว่าตัวอ่อนยังมีชีวิตและแข็งแรงดี ต้องเก็บไว้ฟักต่อไป ส่วนไข่เชื้อตายนั้นจะเห็นว่าตัวอ่อนไม่เจริญเติบโตเมื่อเทียบกับฟองอื่นๆ ที่ตัวอ่อนเจริญดี ไข่เชื้อตายจะเห็นว่าเส้นเลือดไม่เป็นโยงใย เส้นเลือดจะขาดและลอยขึ้นมาติดอยู่เปลือกไข่ เมื่อหมุนไข่รอบๆ จะเห็นว่าตัวอ่อนมีขนาดเล็ก และไม่ค่อยเคลื่อนไหวเหมือนกับตัวอ่อนที่มีชีวิตอยู่ สำหรับไข่ไม่มีเชื้อนั้นจะไม่เห็นตัวอ่อน และเส้นเลือดแต่จะใสโปร่งสีออกเหลืองๆ เหมือนไม่มีอะไรในไข่นั้นๆ
11.ก่อนไข่ฟักตัว 3 วัน คือประมาณวันที่ 18 ให้นำถาดพลิกไข่ออกมา แล้วนำไข่ทั้งหมดกลับเข้าไปวางไว้บนถาดเกิด
